มัชฌิมนิกาย
อุปธิปัณณาสก์
อนุปทวรรค
๖. อิสิคิลิสูตร
ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลิ เขตพระนครราชคฤห์สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสถามดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาเราทั้งหลายนี่ พวกเธอแลเห็นภูเขาเวภาระนั่นหรือไม่ ฯ
ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า เห็น พระพุทธเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภูเขาเวภาระนั่นแล มีชื่อเป็นอย่างหนึ่ง มีบัญญัติเป็นอีกอย่างหนึ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอแลเห็นภูเขาปัณฑวะนั่นหรือไม่ ฯ
ภิ. เห็น พระพุทธเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ภูเขาปัณฑวะนั่นแล ก็มีชื่อเป็นอย่างหนึ่ง มีบัญญัติเป็นอีกอย่างหนึ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอแลเห็นภูเขาเวปุลละนั่นหรือไม่ ฯ
ภิ. เห็น พระพุทธเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ภูเขาเวปุลละนั่นแล ก็มีชื่อเป็นอย่างหนึ่ง มีบัญญัติเป็นอีกอย่างหนึ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอแลเห็นภูเขาคิชฌกูฏนั่นหรือไม่ ฯ
ภิ. เห็น พระพุทธเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ภูเขาคิชฌกูฏนั่นแล ก็มีชื่อเป็นอย่างหนึ่ง มีบัญญัติเป็นอีกอย่างหนึ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอแลเห็นภูเขาอิสิคิลินี้หรือไม่ ฯ
ภิ. เห็น พระพุทธเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย แต่ภูเขาอิสิคิลินี้แล มีชื่อก็เช่นนี้ มีบัญญัติก็เช่นนี้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว พระปัจเจกพุทธ ๕๐๐ องค์ ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานาน พระปัจเจกพุทธเหล่านั้น เมื่อกำลังเข้าไปสู่ภูเขานี้คนแลเห็น แต่ท่านเข้าไปแล้วคนไม่แลเห็น มนุษย์ทั้งหลายเห็นเหตุ ดังนี้นั้น จึงพูดกันอย่างนี้ว่า ภูเขาลูกนี้ กลืนกินฤาษีเหล่านี้ ชื่อว่า อิสิคิลิ นี้แล จึงได้เกิดขึ้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักบอก จักระบุ จักแสดงชื่อของพระปัจเจกพุทธทั้งหลาย พวกเธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ฯ
พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระปัจเจกสัมพุทธ ชื่ออริฏฐะ ๑ ชื่ออุปริฏฐะ ๑
ชื่อตครสิขี ๑ ชื่อยสัสสี ๑ ชื่อสุทัสสนะ ๑ ชื่อปิยทัสสี ๑ ชื่อคันธาระ ๑
ชื่อปิณโฑละ ๑ ชื่ออุปาสภะ ๑ ชื่อนิถะ ๑ ชื่อตถะ ๑ ชื่อสุตวา ๑
ชื่อภาวิตัตตะ ๑ ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานาน ฯเธอทั้งหลาย จงฟังเราระบุชื่อของท่านที่มีธรรมเป็นสาระกว่าสัตว์
ไม่มีทุกข์ หมดความอยาก ได้บรรลุโพธิญาณอย่างดีเฉพาะตนผู้เดียว
ผู้ปราศจากลูกศร สูงกว่านรชน ต่อไปเถิด
พระปัจเจกพุทธ ผู้มีตัณหาเครื่องนำไปในภพสิ้นแล้ว คือ
อริฏฐพุทธ ๑ อุปริฏฐพุทธ ๑ ตครสิขีพุทธ ๑ ยสัสสีพุทธ ๑
สุทัสสนพุทธ ๑ ปิยทัสสีพุทธ ๑ คันธารพุทธ ๑ ปิณโฑลพุทธ ๑
อุปาสภพุทธ ๑ นิถพุทธ ๑ ตถพุทธ ๑ สุตวาพุทธ ๑
ภาวิตัตตพุทธ ๑ สุมภพุทธ ๑ สุภพุทธ ๑ เมถุลพุทธ ๑
อัฏฐมพุทธ ๑ อัสสุเมฆพุทธ ๑ อนิฆพุทธ ๑ สุทาฐพุทธ ๑
พระปัจเจกพุทธ ผู้มีอานุภาพมาก คือ หิงคูพุทธ ๑ หิงคพุทธ ๑
พระมุนีชื่อชาลีมี ๒ องค์ และอัฏฐกพุทธ ๑ โกสัลลพุทธ ๑
อถพุทธ ๑ สุพาหุพุทธ ๑ อุปเนมิพุทธ ๑ เนมิพุทธ ๑
สันตจิตตพุทธ ๑ สัจจพุทธ ๑ ตถพุทธ ๑ วิรชพุทธ ๑
ปัณฑิตพุทธ ๑ กาฬพุทธ ๑ อุปกาฬพุทธ ๑ วิชิตพุทธ ๑
ชิตพุทธ ๑ อังคพุทธ ๑ ปังคพุทธ ๑ คุติจฉิตพุทธ ๑
ปัสสีพุทธ ๑ ได้ละอุปธิอันเป็นมูลแห่งทุกข์แล้ว
อปราชิตพุทธ ได้ชนะมารและพลมาร
สัตถาพุทธ ๑ ปวัตตาพุทธ ๑ สรภังคพุทธ ๑ โลมหังสพุทธ ๑
อุจจังคมายพุทธ ๑ อสิตพุทธ ๑ อนาสวพุทธ ๑ มโนมยพุทธ ๑
พันธุมาพุทธ ๑ ผู้ตัดมานะได้ ๑ ตทาธิมุตพุทธ ๑ วิมลพุทธ ๑
เกตุมาพุทธ ๑ เกตุมพราคพุทธ ๑ มาตังคพุทธ ๑ อริยพุทธ ๑
อัจจุตพุทธ ๑ อัจจุตคามพยามกพุทธ ๑ สุมังคลพุทธ ๑ ทัพพิลพุทธ ๑
สุปติฏฐิตพุทธ ๑ อสัยหพุทธ ๑ เขมาภิรตพุทธ ๑ โสรตพุทธ ๑
ทุรันนยพุทธ ๑ สังฆพุทธ ๑ อุชชยพุทธ ๑
พระมุนีชื่อสัยห อีกองค์หนึ่งผู้มีความเพียรไม่ทราม
พระพุทธ ชื่ออานันทะ ชื่อนันทะ ชื่ออุปนันทะ ๑๒ องค์
และภารทวาชพุทธ ผู้ทรงร่างกายในภพสุดท้าย
โพธิพุทธ ๑ มหานามพุทธ ๑ อุตตรพุทธ ๑ เกสีพุทธ ๑
สิขีพุทธ ๑ สุนทรพุทธ ๑ ภารทวาชพุทธ ๑
ติสสพุทธ ๑ อุปติสสพุทธ ๑ ผู้ตัดกิเลสเครื่องผูกในภพได้
อุปสีทรีพุทธ และสีทรีพุทธ ผู้ตัดตัณหาได้
มังคลพุทธ เป็นผู้ปราศจากราคะ
อุสภพุทธ ผู้ตัดข่ายอันเป็นมูลแห่งทุกข์
อุปณีตพุทธ ได้บรรลุบทอันสงบ
อุโปสถพุทธ ๑ สุนทรพุทธ ๑ สัจจนามพุทธ ๑ เชตพุทธ ๑
ชยันตพุทธ ๑ ปทุมพุทธ ๑ อุปปลพุทธ ๑ ปทุมุตตรพุทธ ๑
รักขิตพุทธ ๑ ปัพพตพุทธ ๑ มานัตถัทธพุทธ ๑ โสภิตพุทธ ๑
วีตราคพุทธ ๑ กัณหพุทธ ๑ ผู้มีจิตพ้นวิเศษดีแล้ว
พระปัจเจกพุทธ ผู้มีอานุภาพมากเหล่านี้ และอื่นๆ
มีตัณหาเครื่องนำไปในภพสิ้นแล้ว
เธอทั้งหลายจงไหว้พระปัจเจกพุทธเหล่านั้น ผู้ล่วงเครื่องข้องทั้งปวงได้แล้ว
ผู้แสวงหาคุณใหญ่ ผู้มีคุณนับไม่ถ้วน ผู้ปรินิพพานแล้วเถิด ฯ
จบ อิสิคิลิสูตรที่ ๖